
การเกิดขึ้นของ I-REC Holding Fee และ Evident Impact Programme นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานและเตรียมพร้อมสู่การเติบโตของตลาด I-REC แต่ก็ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อผู้ซื้อและผู้ขาย จึงเกิดเป็นวาระสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องเรียนรู้และปรับตัวโดยเร็ว
I-REC Holding Fee คืออะไร
I-REC Holding Fee (ปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Advance Redemption Fee) คือค่าธรรมเนียมที่เก็บเมื่อ I-REC ในบัญชีซื้อขายมีอายุเกินกำหนด ซึ่งเกณฑ์ปัจจุบันจะกำหนดไว้ที่ 21 เดือนหลังปีที่ผลิตไฟฟ้า (คิดง่ายๆ คือจะเกินกำหนดในวันที่ 30 กันยายน ของปีที่ผลิต + 2)
ตัวอย่างเช่น หากเป็น I-REC ที่ระบุปีผลิตเป็นปี 2023 ก็จะถูกเก็บค่า I-REC Holding Fee ณ วันที่ 30 กันยายน 2025 เป็นต้น โดยอัตราค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 0.06 EUR/MWh หรือ 0.08 USD/MWh ซึ่งเท่ากันกับ Redemption Fee ทั่วไป (Redemption Fee คือค่าธรรมเนียมที่เก็บเมื่อมีการใช้ I-REC เพื่ออ้างสิทธิ์การใช้ไฟฟ้า)
นอกจากนี้แล้ว ในกรณีที่มีการนำ I-REC เข้าบัญชีกักเก็บ (Archive Account) ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสีย I-REC Holding Fee เมื่อถึงวันครบกำหนด ก็จะต้องจ่าย I-REC Holding Fee เมื่อดึง I-REC ออกมาจากบัญชีกักเก็บแทน โดยจะมีอัตราค่าธรรมเนียมเท่ากัน แต่จะกำหนดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 250 EUR หรือ 295 USD ต่อครั้ง (ปัจจุบันจะมีทางเลือกให้สามารถกักเก็บ กำจัด หรือบริจาค I-REC เพื่อชะลอหรือเลี่ยงการจ่าย I-REC Holding Fee ได้)
ทั้งนี้ กรณีที่มีการจ่าย I-REC Holding Fee ไปแล้ว ก็จะไม่มีการคิด Redemption Fee ซ้ำอีก การเกิดขึ้นของ I-REC Holding Fee จึงไม่ได้ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในภาพรวมหากมีการใช้ I-REC
สำหรับสาเหตุที่มีการกำหนด I-REC Holding Fee ขึ้นมา ก็เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ I-REC ภายในขอบเขตระยะเวลาที่แนะนำโดยทาง RE100 ซึ่งตัวเลข 21 เดือนนี้จะมีที่มาจากข้อกำหนดของทาง Green-e
หากท่านใดสนใจศึกษาข้อมูลค่าธรรมเนียมต่างๆ เพิ่มเติม ก็สามารถดูได้ที่เอกสาร Fee Structure I-REC(E) 2025
I-REC Holding Fee เริ่มประกาศใช้เมื่อไร
I-REC Holding Fee หรือ Advance Redemption Fee นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2025 โดยจะมีการแจ้งเตือน 2 รอบ สำหรับผู้ที่มี I-REC เกินอายุในบัญชีซื้อขายเมื่อเริ่มบังคับใช้ (ปีผลิต 2022 หรือเก่ากว่า) ได้แก่ วันที่ 31 มกราคม 2025 และ 28 กุมภาพันธ์ 2025 ก่อนที่จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมจริงในวันที่ 31 มีนาคม 2025
ผลกระทบจาก I-REC Holding Fee
ในมุมของผู้ผลิต จากแต่ก่อนที่ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสามารถออก I-REC เก็บไว้ในบัญชีซื้อขายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใดๆ แต่เมื่อมีการกำหนด I-REC Holding Fee หรือ Advance Redemption Fee ขึ้นมา ก็ส่งผลให้ต้องมีการวางแผนการขายก่อนออก I-REC อย่างรอบคอบมากขึ้น รวมถึงต้องเพิ่มความใส่ใจในการบริหารจัดการ I-REC ที่คงค้างอยู่ในบัญชีซื้อขาย
(ผู้ซื้อส่วนใหญ่ต้องการ I-REC ที่สดใหม่ สามารถอ้างสิทธิ์กับเล่มรายงานประจำปีในปีนั้นๆ ได้ I-REC ที่ค้างเกินรอบปีการรายงานจึงขายได้ลำบาก ทำให้มีโอกาสต้องเสียค่า I-REC Holding Fee อย่างไม่คุ้มค่า หากไม่ได้วางแผนและจัดการอย่างเหมาะสม)
ในมุมของซื้อ เมื่อผู้ผลิตมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยบางส่วนอาจรอให้มีการยืนยันคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อก่อนที่จะออก I-REC จึงส่งผลให้การส่งมอบ I-REC มีความล่าช้ากว่าเดิม (ในกรณีนี้ผู้ซื้อจะต้องรออย่างน้อยประมาณ 15 วันทำการ ซึ่งแม้จะเหมือนว่านาน แต่ระหว่างรอก็สามารถใช้เป็นช่วงเวลาของการยืนยันรายละเอียดต่างๆ ได้ เช่น ชื่อบริษัท ที่อยู่ ปริมาณ เป็นต้น)
ในมุมของผู้ให้บริการ I-REC การเกิดขึ้นของ I-REC Holding Fee นี้ก็มีผลกระทบต่อผู้ให้บริการหรือคนกลางอย่าง REC Thailand ด้วยเช่นกัน เนื่องจากต้องเป็นผู้วางแผนและประสานงานในด้านต่างๆ ทั้งการบริหารปริมาณให้เพียงพอแก่ผู้ซื้อ และการจัดส่งให้ได้ตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งจากรูปการณ์ของตลาดในปัจจุบันที่แนวโน้มการซื้อส่วนมากจะเกิดขึ้นตามการปิดเล่มรายงานประจำปี ทั้งแบบรายปีหรือครึ่งปี ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวอาจเสี่ยงเกิดความล่าช้ามากขึ้นได้
จากการวิเคราะห์ทั้งหมดนั้น การเกิดขึ้นของ I-REC Holding Fee จะมีผลกระทบต่อทุกฝ่าย โดยการผลิตไฟฟ้า การออก I-REC และการซื้อขาย จะเป็นไปอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น ซึ่งทาง REC Thailand ก็เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานและเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของตลาด เพราะปัจจุบัน I-REC มียอดการซื้อขายในไทยเพิ่มมากขึ้นทุกปี แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใส่ใจในสิ่งแวดล้อมขององค์กรต่างๆ ที่มากขึ้น
ข้อแนะนำการปรับตัวในปี 2025
สำหรับผู้ผลิต ด้วยปริมาณโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเร็วกว่าฐานผู้ซื้อ ทำให้เกิดปัญหาไม่สามารถขาย I-REC ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทาง REC Thailand แนะนำให้กระจายความเสี่ยงโดยวางแผนการขายในหลากหลายที่หลากหลายเครือข่าย ในจุดนี้ ทาง REC Thailand ก็สามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ ด้วยจุดเด่นที่มีรูปแบบสัญญาทั้งระยะสั้นปีต่อปีและระยะยาว มีความเชี่ยวชาญในการหาลูกค้าและสามารถปิดการขายได้อย่างราบรื่น ทั้งยังสามารถให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ซื้อ ด้วยจำนวนผู้ซื้อที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งมักจะเป็นผู้ซื้อหน้าใหม่ที่ยังไม่เข้าใจเหตุผลและรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน การให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์รวมถึง Project References จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในจุดนี้ ทาง REC Thailand ก็สามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้เช่นกัน เนื่องด้วยประสบการณ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร ฯลฯ ทั้งยังมีความเข้าใจในรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ และโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อที่หลากหลาย รวมไปถึงยังสามารถช่วยหา I-REC ที่มีคุณภาพในราคาที่ย่อมเยาได้
Evident Impact Programme คืออะไร
Evident Impact Programme คือโปรแกรมที่เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ I-REC เพื่อสร้างประโยชน์ทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม แทนการใช้ I-REC เพื่ออ้างสิทธิ์การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดตามกรณีทั่วไป
การใช้ I-REC ตามกรอบของ Evident Impact Programme นั้น ผู้ใช้จะสามารถเลือกได้ว่าจะบริจาค Redemption Fee ทั้งหมดให้กับหน่วยงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมใด โดยตัวเลือกปัจจุบันจะประกอบไปด้วย Energy Peace Partners, UNICEF และ Barefoot College International ซึ่งเมื่อใช้แล้วก็จะไม่สามารถอ้างสิทธิ์การใช้ไฟฟ้าจาก I-REC นั้นๆ ได้อีก
Evident Impact Programme เป็นโปรแกรมที่ถูกริเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2024 เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ Evident ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบขึ้นทะเบียนกลางของ I-REC ในระดับสากล
การเกิดขึ้นของ Evident Impact Programme นับว่าจะมีส่วนช่วยส่งเสริมให้การใช้ I-REC มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งก็คาดว่าจะเป็นผลดีต่อการเติบโตของตลาด I-REC และยังอาจมีส่วนช่วยลดความกดดันที่เกิดจาก I-REC Holding Fee หรือ Advance Redemption Fee ในมุมของผู้ผลิตได้
ขั้นตอนการเข้าร่วม Evident Impact Programme
สำหรับขั้นตอนการเข้าร่วม Evident Impact Programme ก็จะมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้
- เลือกผู้รับผลประโยชน์ โดยตัวเลือกในปัจจุบันจะประกอบไปด้วย Energy Peace Partners, UNICEF และ Barefoot College International
- ติดตามผล สามารถติดตามผลใน Redemption Account ที่มีอยู่หรือจะสร้างบัญชีเฉพาะขึ้นมาใหม่ก็ได้
- สร้างความแตกต่าง การใช้ I-REC ตามกรอบของ Evident Impact Programme จะไม่มีการกำหนดขั้นต่ำ ทุกๆ I-REC จึงสามารถมีส่วนช่วยสร้างประโยชน์แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมได้
บทสรุป
I-REC Holding Fee (ปัจจุบันเรียกว่า Advance Redemption Fee) คือค่าธรรมเนียมที่เก็บเมื่อ I-REC ในบัญชีซื้อขายมีอายุเกินกำหนด ซึ่งก็คือตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ของปีที่ผลิต + 2 การเกิดขึ้นของ I-REC Holding Fee จะส่งผลให้ผู้ขายต้องวางแผนการขายก่อนออก I-REC ให้รอบคอบมากขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อก็อาจได้รับการส่งมอบ I-REC ช้ากว่าแต่ก่อน เนื่องจากผู้ขายบางส่วนอาจปรับตัวเปลี่ยนมาออก I-REC ตามคำสั่งซื้อแทนการออกล่วงหน้า
ส่วน Evident Impact Programme คือโปรแกรมที่เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ I-REC เพื่อสร้างประโยชน์ทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม แทนการใช้เพื่ออ้างสิทธิ์การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดตามกรณีทั่วไป ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการใช้ I-REC ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นผลดีต่อการเติบโตของตลาด I-REC และยังอาจมีส่วนช่วยลดความกดดันที่เกิดจาก I-REC Holding Fee หรือ Advance Redemption Fee ในมุมของผู้ผลิตได้
อ่านเพิ่มเติม : I-REC ต่างจาก REC อย่างไร รวมทุกเรื่องที่ควรรู้
REC Thailand ผู้ให้บริการชั้นนำด้าน REC ในไทย
REC Thailand เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้าน REC โดยมีบริการครอบคลุมทั้งในส่วนของผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ว่าองค์กรของท่านจะมีความต้องการเฉพาะในรูปแบบใด เราก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษาและช่วยดูแลในทุกขั้นตอน มั่นใจได้ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานกว่า 20 ปี ภายใต้เครือบริษัท GMS Interneer
ที่ผ่านมา REC Thailand ได้ร่วมเคียงข้างหลากหลายองค์กรในการมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ผ่านการซื้อ REC โดยเราสามารถนำเสนอให้ได้ทุกเทคโนโลยีที่มีการผลิตในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ หรือพลังงานชีวมวล นอกจากนี้เรายังมีเครือข่ายโรงไฟฟ้าที่มีการขึ้นทะเบียนกับ I-REC ในหลากหลายประเทศ ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
หรือหากองค์กรของท่านกำลังมองหา Carbon Credit เราก็สามารถจัดสรรให้ได้เช่นเดียวกันทั้งมาตรฐาน T-VER ของประเทศไทย หรือมาตรฐานระดับสากล เช่น Verra และ Gold Standard ครอบคลุมทั้งรูปแบบโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและกักเก็บก๊าซเรือนกระจก โดยสามารถติดต่อรับคำปรึกษาได้ที่ GMS Solar