เมื่อพลังงานหมุนเวียนถูกผลิตขึ้น มันจะถูกส่งเข้าสู่กริดไฟฟ้าและผสมกับไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานอื่นๆ รวมถึงเชื้อเพลิงฟอสซิล ใบรับรอง REC ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของพลังงานหมุนเวียนได้รับการบันทึกอย่างถูกต้องและสามารถถูกอ้างสิทธิ์ได้โดยหน่วยงานที่สนับสนุนและใช้พลังงานหมุนเวียน

I-REC เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร มีฐานอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นมาตรฐานใบรับรองพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (I-REC Standard) มีหน้าที่ในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับใบรับรองพลังงานหมุนเวียน

มาตรฐาน I-REC ได้รับการยอมรับจากมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย เช่น Greenhouse Gas Protocol (GHGP), CDP, และ RE100 ว่าเป็นพื้นฐานที่น่าเชื่อถือสำหรับเครื่องมือการติดตามที่สามารถตรวจสอบได้ โดยการใช้ I-REC นี้สามารถรับรองว่าระบบมีคุณภาพสูงสุดและปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการนับซ้ำ การออกใบรับรองซ้ำ และการอ้างสิทธิ์คุณสมบัติซ้ำ

ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเงิน: การซื้อ REC คุณจะสนับสนุนผู้ให้บริการสินทรัพย์พลังงานหมุนเวียนโดยตรง ดังนั้นจึงเหมือนการสนับสนุนทางเศรษฐกิจให้กับตลาดว่ามีความต้องการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น

ความสามารถในการปรับขยายและยืดหยุ่น: REC สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของคุณในแต่ละปี คุณสามารถซื้อได้ในช่วงสิ้นปี (รายปี) ซื้อแบบล่วงหน้า (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) หรือซื้อเป็นรายเดือนตามความต้องการได้

ตัวเลือกของเทคโนโลยี: คุณสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ของบริษัท เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ, หรือพลังงานชีวมวล

REC issuance – การออกใบรับรอง REC คือกระบวนการที่เปลี่ยนไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 1 MWh ให้กลายเป็นใบรับรอง REC 1 ใบ ในประเทศไทย การดำเนินการนี้ได้รับการควบคุมโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งตรวจสอบการผลิตไฟฟ้าให้มั่นใจว่าไม่มีการนับซ้ำและเป็นไปตามมาตรฐาน I-REC

REC trading – หลังจากการซื้อสำเร็จ ความเป็นเจ้าของใบรับรอง REC จะถูกโอนให้กับผู้เป็นเจ้าของใหม่ ซึ่งก็คือผู้ซื้อ REC Thailand ภายใต้ GMS Solar อำนวยความสะดวกในการซื้อขายและรับประกันว่าผู้ซื้อจะได้รับใบรับรอง REC ในช่วงเวลาที่ต้องการ และเทคโนโลยีที่ต้องการในราคาที่ตกลงกันไว้

REC redemption – REC Thailand ภายใต้ GMS Solar อำนวยความสะดวกในการไถ่ถอน REC ให้กับ “ผู้รับผลประโยชน์” ผ่านระบบนายหน้า ผู้ใช้งานสามารถอ้างสิทธิ์การใช้พลังงานหมุนเวียนได้โดยไม่จำเป็นต้องบริโภคไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจริง

ในการอ้างสิทธิ์การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100% เจ้าของทรัพย์สินที่มีพื้นที่เหมาะสม เช่น บนดาดฟ้าหรือพื้นที่ดินเพียงพอสำหรับการติดตั้งและเป็นเจ้าของโดยตรงของระบบโซลาร์เซลล์ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอสำหรับสถานที่นั้น สามารถเลือกใช้ตัวเลือกนี้ได้

ในกรณีที่ไม่มีพื้นที่หรือไม่ต้องการลงทุนโดยตรง สามารถพิจารณาสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนได้ โดยสามารถอ้างสิทธิ์การใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านใบรับรอง REC ที่ออกจากโครงการที่เกี่ยวข้อง

ตัวเลือกที่สามสำหรับการอ้างสิทธิ์การใช้พลังงานหมุนเวียน คือการซื้อและไถ่ถอนใบรับรอง REC เพื่อครอบคลุมปริมาณการใช้ไฟฟ้า วิธีนี้ช่วยให้สามารถกำหนดเกณฑ์เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับลักษณะและแหล่งที่มาของใบรับรอง REC ที่ต้องการได้

แม้ว่าทั้งสามวิธีจะใช้กลไกที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันคือการอนุญาตให้อ้างสิทธิ์การใช้พลังงานหมุนเวียนได้

ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) และคาร์บอนเครดิตเป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม แต่มีความแตกต่างกันดังนี้:

ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC): REC เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่แสดงถึงคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อมของการผลิตพลังงานหมุนเวียน โดยปกติแล้วจะเกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน REC ทำหน้าที่เป็นหลักฐานว่าพลังงานหมุนเวียนได้รับการผลิต และสามารถใช้โดยบุคคลหรือองค์กรในการอ้างสิทธิ์ประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมจากการสนับสนุนพลังงานสะอาด

คาร์บอนเครดิต: คาร์บอนเครดิตคือใบอนุญาตหรือใบรับรองที่สามารถซื้อขายได้ ซึ่งแสดงถึงการลดหรือการกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับโครงการหรือกิจกรรมที่ช่วยลดหรือกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เช่น โครงการพลังงานหมุนเวียน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน หรือการอนุรักษ์ป่าไม้ คาร์บอนเครดิตใช้เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซ CO2 ของบุคคล องค์กร หรือเหตุการณ์ต่างๆ โดยการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดหรือกำจัด CO2 ในปริมาณเท่ากันจากบรรยากาศ

สรุป: REC เน้นที่การติดตามและยืนยันการผลิตพลังงานหมุนเวียน ในขณะที่คาร์บอนเครดิตเน้นการวัดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้ง REC และคาร์บอนเครดิตมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ แต่เน้นด้านต่างๆ ของกรอบงานความยั่งยืน